Completion Year

  • 2010
  • 2011
  • 2012
  • 2013
  • 2015

Project Type

  • Commercial
  • Luxury Condominium
  • Private Residence

Country

  • Cambodia
  • Japan
  • Malaysia
  • Thailand
  • USA
  • จีน
  • ประเทศไทย
  • สิงคโปร์
  • ฮ่องกง

Category

  • Commercial
  • Luxury
  • Luxury Condominium
  • Luxury Hotel
  • Luxury Pavilion
  • Luxury Retail
  • Retail
บริษัท เอ็มบีเอ็ม เมทัลเวิร์คส จำกัด

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

1. บทนำ

บริษัท เอ็มบีเอ็ม เมทัลเวิร์คส จำกัด (ต่อไปนี้จะรวมเรียกว่า “บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อให้การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้รับความคุ้มครองตามที่กฎหมายกำหนด และเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจการของบริษัท บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ตามที่แก้ไขเพิ่มเติม) และกฎหมาย และกฎระเบียบที่ใช้บังคับอื่นๆ (“พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ”)

2. ขอบเขต

เพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้รับทราบถึงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายฉบับนี้จึงได้กำหนดแนวปฏิบัติเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย และวิธีการปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทจะจัดให้มีระเบียบและแนวทางเพื่อกำหนดขั้นตอนปฏิบัติงาน (Procedure and Guideline) และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและจำเป็น เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมในแต่ละประเภทนั้น จะได้รับความคุ้มครองและได้รับความปลอดภัย

3. นิยาม

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งมีความละเอียดอ่อนตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 26 แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

การประมวลผลข้อมูล หมายถึง การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

4. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลด้วยวิธีการโดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมเท่าที่จำเป็นภายในขอบเขตของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ โดยมีวัตถุประสงค์ และขอบเขต เพื่อการดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น ทั้งนี้บริษัทจะดำเนินการให้เจ้าของข้อมูลรับรู้ และให้ความยินยอมเป็นหนังสือ หรือให้ความยินยอมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ได้กำหนดไว้ เว้นแต่การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจะเข้าข้อยกเว้นตามที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ได้กำหนดไว้

4.1 ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการจัดเก็บ

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท อาจเก็บรวบรวมจะขึ้นอยู่กับลักษณะของกิจกรรม สถานที่ รวมถึงวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลดังนี้

(1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุตัวตนได้ อาทิ ชื่อ นามสกุล รูปถ่าย เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง หมายเลขใบอนุญาตขับขี่ วันเกิด อาชีพ ตำแหน่ง ชื่อสถานที่ทำงาน สัญชาติ เพศ สถานภาพการสมรส ทะเบียนรถ บันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดภายในพื้นที่ที่อยู่ในความควบคุมของบริษัท ชื่อผู้ใช้ระบบ รหัสผ่าน
(2) ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ตามคำนิยามในข้อ 3
(3) ข้อมูลการติดต่อบุคคล อาทิ ที่อยู่ที่บ้านหรือสถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล Social Application เช่น LINE Whatsapp Facebook
(4) ข้อมูลทางการเงินส่วนบุคคล อาทิ รายละเอียดเกี่ยวกับบัญชีธนาคาร ข้อมูลเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
(5) ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงาน อาทิ ข้อมูลการสัมภาษณ์งาน การประเมินผลการทำงานตำแหน่งงาน เงินเดือน ผลประโยชน์จากการจ้างงานอื่นๆ ข้อมูลประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
(6) ข้อมูลสารสนเทศต่างๆ อาทิ ข้อมูลทางเทคนิคจากการเข้าใช้งานเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัท ข้อมูลการใช้งานและการเข้าถึงระบบสารสนเทศ (Log files) เลขที่อยู่ไอพี (IP Address) คุกกี้ (Cookie)

4.2 แหล่งที่มาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงเป็นหลัก อย่างไรก็ดี บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง เช่น

(1) แหล่งข้อมูลสาธารณะ
(2) นายทะเบียนหุ้น นายทะเบียนหลักทรัพย์
(3) การติดต่อสื่อสารใดๆ ทั้งต่อหน้า หรือผ่านเครื่องมือสื่อสาร
(4) ผู้ที่เกี่ยวข้องของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้ หากบริษัทมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น บริษัทจะเก็บรวบรวมโดยการปฏิบัติตามที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ได้กำหนดไว้

5. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ดังต่อไปนี้

  • เพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการของบริษัท ภายใต้หลักเกณฑ์การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย สัญญา และประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
  • เพื่อการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น การจัดทำฐานข้อมูล วิเคราะห์ และพัฒนากระบวนการดำเนินงาน
  • เพื่อใช้ในการยืนยันหรือระบุตัวตนเมื่อเข้าใช้ระบบเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการตรวจสอบข้อมูลของเจ้าของข้อมูลตามกฎหมาย
  • เพื่อปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบและได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
  • เพื่อการใดๆ อันมีวัตถุประสงค์ที่ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย และ/หรือเพื่อปฏิบัติให้เป็นตามกฎหมาย กฎ ประกาศ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินงานของบริษัท
  • เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บ บันทึก สำรอง หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล


บริษัทจะไม่กระทำการใดๆ นอกเหนือจากที่ระบุในวัตถุประสงค์ข้างต้น เว้นแต่
(1) ได้แจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ให้แก่เจ้าของข้อมูลทราบ และได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
(2) เป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

6. การให้ความยินยอม

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นหนังสือ หรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ก่อนหรือในขณะนั้น ยกเว้นกรณีที่โดยสภาพไม่อาจขอความยินยอมด้วยวิธีดังกล่าว
ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยชัดแจ้งก่อน เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด การให้ความยินยอมของเจ้าของข้อมูล หมายถึง เจ้าของข้อมูลยินยอมให้ บริษัทกระทำการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลต่อบุคคล หรือนิติบุคคลทั้งในประเทศและต่างประเทศตามที่ระบุไว้ข้างต้นตามนโยบายนี้ เว้นแต่กฎหมายจะกำหนดเป็นอย่างอื่น

7. การปฏิเสธการให้ความยินยอม

การให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่กระทำโดยสมัครใจ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอาจปฏิเสธการให้ข้อมูลตามที่บริษัทขอได้ แต่การไม่ให้ข้อมูลดังกล่าว อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถเข้าทำสัญญา ข้อผูกพัน ให้สวัสดิการ ให้หรือรับสินค้าหรือบริการใดๆ แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือไม่สามารถดำเนินการใดๆ ตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา หรือเงื่อนไขและข้อกำหนดใดๆ ที่ต้องปฏิบัติได้

8.การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะไม่ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลอื่น โดยปราศจากความยินยอมของเจ้าของข้อมูล และจะเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่ได้มีการแจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ก่อนหรือในขณะที่เก็บรวบรวม เว้นแต่ในกรณีที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมตามที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ กำหนด และกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เพื่อประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัท และการให้บริการแก่เจ้าของข้อมูล บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลให้แก่บุคคลทั้งในและต่างประเทศ ดังต่อไปนี้

(1) ผู้ถือหุ้น หรือผู้มีส่วนได้เสีย
(2) คู่สัญญา ผู้รับจ้างช่วง ผู้ให้บริการที่เกี่ยวกับการดำเนินกิจการของบริษัท
(3) บุคคลใดๆ ที่เจ้าของข้อมูล ยินยอมให้ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล
(4) บุคคล หรือหน่วยงานของรัฐตามกฎหมาย ตามคำสั่งศาล หรือหน่วยงานอื่นใดที่มีอำนาจตามกฎหมาย

นอกจากนี้ บริษัทจะดำเนินการให้บุคคลที่ได้รับข้อมูลไป ทำการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับ และไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้กำหนดไว้

9. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย

บริษัทจะกำหนดมาตรการการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล รวมถึงมาตรการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ กฎหมาย และแนวปฏิบัติด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่พนักงานของบริษัท และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีประสิทธิภาพและปลอดภัยตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด

10. ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่บริษัทยังมีความสัมพันธ์กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมายหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในของบริษัท
ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)

12. ข้อมูลติดต่อ

หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ หรือประสงค์ที่ใช้สิทธิตามที่ได้ระบุไว้ในข้อ 11 สามารถติดต่อสอบถามได้ที่อีเมล [email protected]

13. การทบทวนและปรับปรุงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจทบทวนและปรับปรุงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และความคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะจากหน่วยงานต่างๆ รวมถึงแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อพัฒนากระบวนการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทให้สอดคล้องต่อการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงาน และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม โดยบริษัทจะประกาศแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

นโยบายนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 17 พฤษภาคม 2565